วันก่อนผมไปเดินซื้อของที่โลตัส สังเกตเห็นว่าไม่มีน้ำตาลบนชั้นวางเลยแม้แต่ถุงเดียว จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมไม่มีน้ำตาลเลยจึงเดินเข้าไปถามพนักงาน พนักงานตอบกลับมาว่า “น้ำตาลช่วงนี้ขาดตลาดครับ” ถ้าจะซื้อก็ต้องรอและซื้อได้ตามโควตาที่กำหนดไว้เท่านั้นซื้อเกินไม่ได้เดี๋ยวคนอื่นๆ ไม่ได้ซื้อ
คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ น้ำตาลมันมีไม่พอขายได้ยังไง ทั้งๆ ที่เมืองไทยปลูกอ้อยกันเป็นล้านไร่
ปัจจุบันหลายประเทศในโลกหันมาส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลและเอทธานอลกันมากขึ้น การผลิตเชื้อเพลิงพวกนี้จะผลิตมาจาก อ้อย มันสำปะหลัง และก็ยังมีผลิตผลทางการเกษตรที่สามารถนำไปผลิตไบโอดีเซลได้อีกหลายชนิด
เมื่อเครื่องยนต์มันมาแย่งซัพพลายในตลาดผลิตผลทางการเกษตรไป แต่คนยังต้องการใช้อาหารพวกนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อดีมานมันเยอะกว่ากำลังการผลิตสิ่งที่ตามมามันทำให้ราคาของผลิตผลทางการเกษตร อย่างเช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากปริมาณของวัตถุดิบลดลงแล้วสิ่งที่ทำให้ราคาของสินค้าเกษตรสูงขึ้นและมีความผันผวนก็มาจากภัยธรรมชาติ
ปัจจัยของเรื่องภัยธรรมขาติ ทั้ง ฝนตกน้ำท่วม แห้งแล้ง อากาศหนาว พายุต่างๆ เหตุการณ์พวกนี้มันส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตและราคาของสินค้ากลุ่มนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณลองคิดดูหากวันใดวันหนึ่งประเทศนั้นเกิดไม่มีน้ำตาลขาย ไม่มีข้าวกิน มันจะเกิดอะไรขึ้น คำตอบเดียวที่ได้ก็คือ คงวุ่นวายกันน่าดู
ดีที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว (แต่ยังมีนักการเมืองฉ้อฉล^^) เรื่องแบบนี้จึงยังไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าหากเป็นประเทศที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย แม้จะมีน้ำมันเยอะยังไงแต่ไม่มีข้าวกิน ตายแน่^^
กลับมาเรื่องของราคาน้ำตาล และราคาของสินค้าทางการเกษตรอีกหลายๆ ชนิด จากการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนก็มองว่ามันจะยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน แม้ในระยะสั้นอาจจะมีการปรับตัวลงบ้าง แต่ในระยาวเชื่อว่าสินค้าเกษตรจะยังมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจกินเวลาหลายปีก็ได้ตามรอบของเศรษฐกิจในภาพใหญ่
ถ้ามองในภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกเราจะพบว่าเศรษฐกิจของประเทศฝั่งตะวันตกทั้ง อเมริกาและยุโรปยังไม่ได้กลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิมเหมือนก่อนช่วงปี 2008 และยิ่งการฟื้นตัวของประเทศกลุ่มนี้ช้าลงเท่าไหร่ โอกาสของเม็ดเงินที่จะย้ายจากการถือเงินดอลล่ามาสู่สินทรัพย์ในประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งรวมทั้งเอเชียของเราด้วยยิ่งมีสูง นอกจากนี้ก็จะมีเงินบางส่วนเข้าไปเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้าของสินค้าเกษตร
เงินที่เป็นส่วนเกินอยู่ในระบบพวกนี้จะเป็นตัวเร่งที่สำคัญที่จะทำให้ราคาของสินค้าเกษตรทั้งที่เป็นสินค้าจริงๆ และสินค้าที่เทรดกันในตลาดล่วงหน้าราคาสูงขึ้นไปได้อีก
แล้ววันนี้คุณเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่กำลังจะมาพร้อมโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้แล้วหรือยัง เพราะไม่ว่าราคาจะผันผวนยังไงแต่หากเข้าใจเครื่องมือว่าใช้ล่าเหยื่อยังไงแล้วนั้นไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้ง คุณก็ยังจะเป็นคนที่สามารถอยู่รอดในตลาดได้^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น