Like

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เงินเฟ้อ???

เงินเฟ้อ???

เงินเฟ้อ ส่งผลต่อมูลค่าเงินที่เรามีในปัจจุบันจะมีค่าลดลงในอนาคต ซึ่งลดมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับ อัตราที่เงินเฟ้อที่มันเกิดขึ้น 

ชื่อ:  bot.jpg
ครั้ง: 3
ขนาด:  9.6 กิโลไบต์ชื่อ:  เงินเฟ้อ.jpg
ครั้ง: 3
ขนาด:  22.1 กิโลไบต์

จากข้อมูลที่ประกาศ แบงค์ชาติได้วิเคราะห์ว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง ความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาช่วยให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนมีความเข้มแข็ง โดยในช่วงถัดไป(ปีหน้า)ปัจจัยที่จะมีผลต่อความเสี่ยงคือ ความต่อเนื่องของการขยายตัวของเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาดเงิน และการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างประเทศที่อาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

ขยันอย่างเดียวไม่พอ

สมัยก่อนเราคงเคยได้ยินตำนานของตะกูลเจ้าสัวของเมืองไทยหลายๆ ตะกูล
ที่เริ่มต้นมาจากเสื่อผืนหมอนใบ  อพยบข้ามน้ำข้ามทะเลมากจากเมืองจีน
ใช้ความขยัน  ประหยัด  อดทน  จนสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็นเศรษฐี
แต่ยุคนี้สมัยนี้มาต่างกันครับ
เชื่อว่าถ้ามีใครหอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเมืองจีน  ตอนนี้คงอยู่ไม่รอดแน่นอนครับ  เสื่อขาด  หมอนหายยยย  ฮ่าๆๆ  โลกสมัยนี้มันโหดร้ายกว่ากันเยอะ.... 
แน่นอนว่า  ความขยัน  ประหยัด  อดทน  เป็นวิธีการที่จะทำให้ชีวิตมันคงได้  แต่ยุคนี้มันไม่ได้แข่งกันที่ว่า  ใครทำมากกว่าได้มากกว่าแล้ว
มันแข่งที่ความคิด  ใครคิดถูก  ใครคิดต่าง  คนนั้นรวย  อื้อออ...

การลงทุนก็เหมือนกันครับ
มีเรื่องเล่ามากมายเป็นตำนาน
ผมว่าอาชีพนักลงทุนเป็นอาชีพที่ใช้แรงน้อย  แทบจะไม่ต้องใช้เลย  แต่ใช้ความคิดมหาศาล  นักลงทุนที่ยิ่งซื้อๆ ขายๆ บ่อยเท่าไหร่  มันยิ่งผิดพลาด
อาจจะมีคนเถียง  ก็เห็นมีคนซื้อๆ ขายๆ เค้าก็ได้กำไรกันเยอะแยะ  ปัดโถ่ ก็คนพวกนั้นเวลามันเสียเค้าบอกเรารึป่าว
แต่เวลาได้ทีสิ  เห้ยยย  วันนี้ผมกำไร เป็นแสน เป็นล้าน ก็ว่าไปนู่น  
ที่สำคัญที่สุดก่อนลงทุนควรรู้ก่อนว่าตัวเราเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ไม่ใช่ว่ารับความเสี่ยงได้น้อยแต่ก็อยากได้กำไรเยอะๆ ในโลกความจริงมันเป็นไปไม่ได้
หากเราตัดสินใจบ่อยๆ แล้วพลาดก็ลองปรับวิธีการเทรด หาหนังสือมาอ่าน  เข้าคอร์สสัมนา
เรียนรู้จากมือโปร  ซักวันต้องเก่งแน่นอนครับ  สู้ๆ  ฮ่าๆๆๆ
High Risk, (very) High Return

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แนวโน้มหุ้นในระยะเวลาอันใกล้

ผมไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรแต่วันนี้ผมได้เจอข่าวที่น่าสนใจมา นั้นก็คือข่าวเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์
ที่จะปิดคดีในวันที่ 29 นี้ครับเวลา 9.00น.
เค้าบอกกันว่ามีความเป็นไปได้ 3 รูปแบบ

1.ตัดสินว่าไม่มีความผิด
     -ก็ไม่น่าจะมีผลร้ายต่อตลาดหุ้นไทยอย่างใดและผมคิดว่าน่าจะมีผลดีในระยะสั่นอาจจะมีผล Reboundตั่งแต่ตลาดเปิดช่วงแรกๆ น่าจะเกิด1000 เป็นอย่างน้อยครับ
2.ตัดสินว่ามีความผิดและผู้บริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
     -ก็ทำให้ตลาดน่าจะลงต่อไปอีก สักระยะเนื่องจากมีข่าวที่ส่งผลทางลบพอสมควรไม่ว่าจะเป็น การขึ้น ดบ. จากประเทศจีน ความอ่อนแอ ของEU และสงครามเกาหลี แต่ ก็ไม่น่าจะปรับลงมากเพราะว่าตลาดได้ปรับลงมากจากข่าวบ้างแล้ว
3.ตัดสินว่ามีความผิดเฉพาะบุคคล
     -ตลาดน่าจะปรับลงเล็กน้อยก่อนจะมีRebound ตามมาในไม่ช้าเนื่องจากไม่ได้มีผลต่อความมั่นคงส่วนรวมแต่อย่างใด

แต่ก็มีหลายกระแสเหมือนกันคับที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์คงจะไม่โดนยุบแต่ก็ต้องตามดูกัน ครับ

อนาคตเริ่มจากวันนี้

หลายคนยังไม่เข้า หลายคนเข้าใจผิด และหลายคนไม่คิดจะเข้าใจ
ทำไม เนอะ ทำไมการลงทุน มันจึงสำคัญ
คุณเป็นหนึ่งใน 3 ประเภท นี้รึเปล่าครับ 
สิ่งแรกเลยที่คุณจำเป็นต้องมี สำหรับการจะเริ่มต้นเดินทางไปกับผม
ืคือคุณต้องเข้าใจก่อนเลยว่า การลงทุนมันสำคัญขนาดไหน
สำคัญนะครับ เพราะถ้าคุณตอบไม่ได้ คุณก้อจะไม่คิดที่จะลงทุนหรอก
หรือถ้าคุณยังตอบไม่ได้ แต่คุณกะลังลงทุนอยู่ มันก้อเหมือนคุณกะลังจีบผู้หญิงที่คุณยังไม่แน่ใจเลยว่า
ถ้าจีบติดแล้วคุณยังอยากจะอยู่กับเค้าจริงๆหรือเปล่า

ผมจะทำให้คุณเห็นเองว่ามันสำคัญ
ลองอ่านตามมาดุนะคับ 

ข้อแรกเลยนะคับ คือการลงทุุนจะทำให้คุณเกิด คือ freedom ที่แท้จริง ได้
แปลว่าอะไรคับ ไอ financial freedom --มันก็เหมือนกับในหนังสือ rich dad poor dad นั่้นแหละคับ
มันคือการที่คุณสามารถจะนั่งอยู่บ้าน โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานประจำ มีเวลาให้กับสิ่งทีุ่คุณรักนานๆ
แล้วก็มีเงินใช้เพียงพอ สำหรับชีิวิตประจำวัน คุณว่ามันน่าสนใจไหมคับ ไอfinancial freedom ที่ว่านี่นะ

การลงทุน เป็นวิธีที่น่าสนใจที่สุด วิธีหนึ่งเลยครับ ที่จะไปให้ถึง financial freedom
การจะไปให้ถึงจุดนั้น ก็คิดง่ายๆครับ 
มันก้อแค่ คุณต้องมีรายได้จากทางอื่น นอกเหนือจากการเป็นมนุษย์เงิน เดือน ที่จะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ ที่คุณฝันว่าจะใช้้นมัน จริงไหมครับ
การลงทุนสามารถให้เรื่องดังกล่าวกับคุณได้ครับ เพราะการลงทุนที่ดี และถูกจังหวะ นำมาซึ่งรายได้ที่แน่นอน และมั่นคง

ข้อที่ 2 นะคับ ทุกอย่างในชีวิตของคุณคือการลงทุนครับ 
ไม่ว่าคุณกะลังทำอะไรอยู่ คุณก็กะลังลงทุนกะสิ่งนั้นแหละคับ
เผื่อคุณไม่รู้ตัวนะครับ
เอาง่ายๆครับ เคยได้ยินไหมคับ u r what u eat
เอาแค่เรื่องกินครับ
คนกินอะไร ก้อเหมือนคุณกะลังลงทุนกะสิ่งนั้น อนาคตที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายคุณ คือผลของการตัดสินใจกิน หรือลงทุนในอดีตของคุณนะเอง จริงไหมคับ
ในทางการเงิน มีอยู่ทฤษฏีหนึ่งคับ เค้าพยายามจะอธิบายว่า ถ้าคุณมีทรัพยากร หรือ คุณมีปัจจัย เริ่มต้น อยู่จำนวนหนึ่ง เช่น อยู่ที่ 100 ทุกคนจะต้องตัดสินใจว่า คุณจะ consume now หรือ consume later ขนาดไหน จากจำนวน หนึ่งร้อย นี่ ซีงการ consume laterก้อหมายความ เท่ากับ การ invest นั่นเอง ซึ่งปัจจัย ตัวที่เรียกว่า ทรัพยากรนี่ สำหรับผมที่สำคัญที่สุดคือ เวลาคับ
คุณมีแค่เวลาเท่านั้น ที่ทุกคนได้เท่ากัน แต่ใช้ไม่เท่ากัน
ดังนั้น การมีความรู้เรื่องการลงทุน จึงทำให้ คุณตัดสินใจ บริหารเวลา หรือปัจจัยเริ่มต้น ได้ดีขึ้นนั่นเอง ว่าคุณจะทำอะไรก่อน อะไรหลัง
อะไรที่คุณควรจะ consume now อะไรที่คุณควรจะ consume later

ก่อนจบนะครับ
ผมอยากจะฝาข้อคิดไว้นะคับ
ชีวิต ก็คือการลงทุนครับ  อนาคต คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่คุณทำวันนี้ แน่นอนครับ
ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ ในการจะทำสิ่งดีๆ ต่อไปนะครับ ^^
ครั้งหน้า ผมจะมาเขีียนวิธีการกำจัดผลของสิ่งที่เรียกว่า ดวงออกไปให้มีผลน้อยที่สุดกับชีวิตนะคับ


ขอบคุณมากคับที่ยอมทนอ่าน
รบกวนช่วย comment ตอบมาด้วยนะคับ จะได้มีกำลังใจเขียน ต่อๆไป
เช่น ยาวไป สั้นไป เขียนไม่รุ้เรื่อง คนเขียนไม่หล่อ ......
ขอบคุณมากครับ

มือใหม่หัดเขียน

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สุดยอดนักวิเคราะห์

วันนี้มีหนังสือมาแนะนำครับ
สุดยอดนักวิเคราะห์หุ้นไทย
Thai Best Analysts : Life & Work


“ทุกวันนี้งานหนักขึ้นเพราะกลยุทธ์เปลี่ยนได้ทุกวัน บางวันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความสนุกอยู่ตรงนี้แล้วทำให้สมองทำงานตลอดเวลา  ทำให้กระตือรือร้นอย่างมาก  ซึ่งเป็นธรรมชาติของนักกลยุทธ์” กวี ชูกิจเกษม


เพราะเส้นทางนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตลอดเวลา  อาจจะพูดได้เลยว่าแข่งกันด้วยเสี้ยววินาที


ดังนั้นคุณภาพของงานที่ส่งผ่านมาจากคุณภาพของคนจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก
หนังสือเล่มหนี้เราจะได้เห็นเส้นทางเดินของนักเคราะห์แต่ละคนว่ามีเส้นทางอย่างไร
กว่าที่จะประสบความสำเร็จกับอาชีพของตัวเอง  แน่นอนว่าไม่ได้ปูพรมแดงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ 
และอีกอย่างที่หลายๆ คนจะได้รู้คือว่า 


นักวิเคราะห์มีระบบการคิดอย่างไร
เรา(ย่อย)จะได้รู้เท่าทันเค้าบ้าง 
เพราะมันมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ ครับ

เพราะแมงเม่าวันนี้ อาจจะเป็นเซียนในวันหน้า

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หุ้นดีๆ อยู่ใกล้ตัว

“If the farm sector is not good, the industrial sector can never be good”
Bangkok Post [25 Nov 2010]

จากข้อความข้างบนที่หนังสือพิมบางกอกโพสต์ได้เขียนไว้ มันชี้ให้เห็นอะไรบางอย่างครับ
หากกระดูกสันหลังของไทย ยังไม่แข็งแรงแล้วส่วนอื่นๆ มันจะแข็งแรงได้ยังไง.. แขนคงเป็นง่อย ขาคงอ่อนแรง
ยิ่งเดือนที่แล้วโดนน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี farmer ชาวไทยที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ยิ่งอาการหนักเข้าไปใหญ่

จากข้าวที่กำลังจะได้เกี่ยวอีกไปกี่อาทิตย์ เงินที่กำลังจะได้จากการเอาข้าวไปแลกเงิน หายวับไปกับสายน้ำ
เป็นแสน หลายแสน บางคนที่มีที่เยอะหน่อย ก็เป็นล้านครับ ไม่เหลือออออ
แต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตรนี่อาจเป็นโอกาสทองฝังเพชรก็ได้นะครับ
นักวิเคราะห์ทั้งหลายได้คาดการณ์ ราคาข้าว น้ำตาล ยางพารา ว่าปีหน้าอาจจะมีราคาพรุ่งสูงปรี๊ดดดดด

เพราะของมันขาดตลาด ถ้าภาษาเศษฐศาสตร์เค้าเรียกว่า ซัพพลายลด ดังนั้นมันจะทำให้ราคาจึงต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ลองไปหาดูหุ้นกลุ่มเกษตรกันนะครับว่ามีตัวไหนน่าสนบ้าง

อีกกลุ่มที่น่าจะได้ผลกระทบจากการบริโภคในประเทศที่ลดลง เนื่องจากน้ำท่วม
กลุ่มยานยนต์ครับ แน่นอน เวลาชาวนามีตัง สิ่งแรกๆ ที่เค้าจะซื้อก็คือ รถยนต์ เพราะมันหน้าเป็นตาของชาวบ้านเลยนะครับ

บ้านไหนออกรถใหม่ป้ายแดง วีโก้ ดีแมค มันเท่อย่าบอกใคร
แต่ตอนนี้แค่ล้อยังไม่ได้เลย เพราะมันไปก็น้ามท่วมหมดแล้ว ดอกเบี้ยก็ขึ้น

ตอนนี้มันคงไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปเก็บหุ้นกลุ่มนี้เท่าไหร่ครับ
ลองวิเคราะห์จากเรื่องรอบๆ ตัวดู บางที่เราอาจจะเห็น super stock อยู่ใกล้ๆ ตัวนะครับ

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอกเบี้ยทบต้น

เรามาลองดูคำนวณกันดูนะครับว่า ดอกเบี้ยทบต้นมันมหัศจรรย์เพียงใด

ถ้าหากเราเริ่มต้นเก็บเงินในวันนี้
โดยมีเงินเก็บปัจจุบันที่ 100,000 บาท เราสมมติว่าได้อัตราดอกเบี้ยปีละ 12%
แล้วเราก็เพิ่มเงินลงทุนเข้าไปอีก ปีละ 100,000 บาท
รู้มั๊ยครับว่า เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เราจะมีเงินทั้งหมด 2,065,458 บาท
แต่ถ้าเราคิดดอกเบี้ย แบบไม่ทบต้นเราจะมีเงินแค่ 1,210,000 บาท
มันต่างกันมหาศาลเลยครับ

หากเปลี่ยนจากดอกเบี้ยมาเป็นการทำงานบ้างละครับ
ทุกวันนี้การงานมีหลากหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังก็คือ
การทำงานแบบที่ต้องให้เหงื่อ ไปแลกเงิน กับอีกแบบคือ ออกแรงสร้างระบบทำเงิน
แล้วมันต่างกันยังไง???

ลองดูตัวอย่างครับ
งานที่ต้องใช้แรงไปแลกเงิน ก็พวกงานสำนักงาน เป็นลูกจ้าง หรืองานอะไรก็ตามครับที่ต้องอยู่ในระบบของคนอื่น

งานอีกรูปแบบ การสร้างระบบ
ตัวอย่างที่เข้าใจง่ายก็เช่น พวกเจ้าของโรงสีที่มีเคลือข่ายของชาวนา ที่ต้องส่งข้าวมาสีที่โรงสีโดยที่เจ้าของโรงสีไม่ต้องออกแรงเหนื่อยเท่าชาวนา แต่กลับได้รายได้ต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว ครับ มาต่างกัน

อีกตัวอย่างก็คือ FACEBOOK ที่เราๆ ใช้กันอยู่นี่แหละครับ เจ้าของมันรวยมหาศาล
แต่สิ่งที่สำคัญมากก็คือ พวกที่คิดต่าง มันเป็นแกะดำ ช่วงแรกๆ มันจะไม่มีคนตาม มันโดดเดี่ยว

แต่ถ้าเรามันใจว่าเราจะเดินไปในเส้นทางที่ถูก ก็เดินไปเถอะครับ ซักวันคงจะถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

7-11

มาลองดูกันครับว่าทำไมหุ้น CPALL ถึงได้ถูกแนะนำจาก ดร.นิเวศ
7-11  เป็นกิจการที่สามารถโตได้อย่างโดดเด่น  อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีสาขากว่า 3,000 สาขา ทั้งที่เป็นเจ้าของเองและผ่านการขายเฟรนไชส์
ลองดูยอดกำไรสุทธิของ CPALL


ปี 49-50 กำไรสุทธิกว่า 5,000 ล้าน
ยิ่งตอนนี้ CPALL กำลังปรับโครงสร้าง  โดยเปลี่ยนมาขายอาหารพร้อมทานมากขึ้น
ซึ่งมี มาจิ้น สูงกว่าการให้ supplier เอาของมาวาง
นอกจากนี้ CPALL ยังจัดระบบด้านการขนส่งให้ดีกว่าเดิม  หากลดลงได้ซัก 5 เปอร์เซ็นต์กำไรคงเพิ่มอีกเยอะเลย
มาดูด้านความต่อเนื่องของกิจการ
ยอดขายของแต่ละสาขามีแนวโน้มสูงขึ้น  เพราะมันสะดวกกว่า  ถูกกว่า  มีแสตมป์ให้สะสมด้วย ฮ่าๆๆ
ร้านโชวห่วยก็กำลังตายไป  หายไปเรื่อยๆ  คู่แข่งก็ลดสิครับ
ยิ่งนาน 7-11 ยิ่งขยาย  แล้วกำไรมันก็ยิ่งผูกขาด  แล้วใครจะได้ประโยชน์ละ
ก็คนที่ซื้อหุ้น 7-11 ไว้ไงครับ
แม้ PE จะสูงกว่า 30 เท่า ก็อาจไม่แพง ถ้าเราดูแนวโน้มการโต และกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
แต่ถ้าจะดูง่ายๆ ก็ ถ้า ดร.นิเวศ ยังถืออยู่ ก็ถือไปได้แน่นอนครับ
หรือเราจะเลือกฝั่งตรงข้ามมม???
ปล. ซื้อตอนนี้ มันคงไม่ได้โตแบบ หลายๆเด้ง  แต่มันโตได้เรื่อยๆ  ครับ


วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

มาดู PTL ว่าเป็นไง

เนื่องจากในงานสัมนา  มีคนถามเกี่ยวกับ PTL ทั้งด้านเทคนิค และ ด้านพื้นฐานของกันทั้งสองวันเลย

ไหนเรามาลองดูกันหน่อย ว่าตอนนี้ ที่ราคา 35.50 บาท (ราคาปิด วันที่ 19 พฤศจิกายน) 

มันยังน่าซื้ออยู่มั๊ยยยย
ต้องเริ่มจากข่าวที่กำลังเล่นกันช่วงนี้  คือ  เค้าเล่นข่าวกันว่า

หุ้นตัวนี้มันผลิตฟิล์มติด ไอโฟน ติดแบล็คเบอรี่ ได้ซึ่ง เทรนของการใช้มือถือมันกำลังเปลี่ยนมาใช้จอสัมผัส 

ทำให้ profit margin ของสินค้าที่บริษัทขายมันดีขึ้น  อีกอย่างเห็นบอกว่าคู่แข่งมีปัญหา  ไม่สามารถผลิตของได้อีกกก

มันเลยเป็นผลดีต่อ PTL  ทำไมมันมีแต่ข่าวดีนะช่วงนี้  ????   หรือว่า.....

มาลองดูจากพวกอัตราส่วนทางการเงินกันบ้าง


จะเห็นว่าตอนนี้ PE มันเกือบๆ 16 เท่าแล้ว  จากปีที่แล้วก็แค่ 5 เท่ากว่าๆ เองงง  
ถ้าว่าแพงมั๊ยยยย  แพงโคตรรรรรรร

มาดู PB  กันต่อ 4.79 เท่า  หมายถึงอะไร ??  ก็แปรว่าราคามันแพงกว่าที่ประเมินกันตามบัญชี เกือบ 5 เท่าเองครับบ ไม่ค่อยแพงเล้ยยย

แล้วถ้าใครติดดอยที่ราคานี้   ปันผลไม่พูดถึงครับ  เอาไปฝากแบงค์ยังได้เยอะกว่าเลย

ถ้าถามว่าตอนนี้ซื้อ PTL  ได้มั๊ย
ตอบเลยครับง่ายนิดเดียว  ได้แน่นอน  แต่จะกำไร หรือ ขาดใจ  ก็อีกเรื่องนึงครับ

เพราะอะไร  ลองไปหากราฟดูนะครับ 
ว่ามันวิ่งมาจาก 5 บาท ไปไฮ ที่ 45 บาท ใช้เวลาเท่าไหร่ยังไง  
สู้ๆ ครับ  เงินเป็นของเรา  คิดดีๆ ก่อนลงทุนครับ

หุ้นที่บัฟเฟต มองหา

มาลองดู กันครับว่า วอเร็นท์ บัฟเฟต 

ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกเลือกกิจการที่โดดเด่น

ข้อแรก คือ จะต้องเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยกำไรที่บริษัททำได้จะต้องอยู่ในรูปของเงินสด ไม่ใช่หนี้สิน

( กำไรจากหนี้สิน ??? คือกำไรที่ ให้ลูกค้าติดหนี้ไว้ก่อนค่อยมาจ่ายทีหลังครับ ซึ่งหลายครั้งลูกค้าอาจจะเบี้ยวครับ มันเป็นความไม่แน่นอน)

ข้อสอง คือ ต้องเป็นบริษัทที่เข้าใจง่าย ง่ายยยขนาดไหน ก็ลองดูหุ้นที่ บัฟเฟตเลือกครับ เช่น โค้ก หนังสือพิมพ์ ครับ เชื่อว่าอีก 100 ปี คนก็ยังกินโค้ก กับอ่านหนังสือพิมพ์


ข้อสาม จะต้องเป็น บริษัทที่ไม่ต้องใช้คนฉลาดมาทำงาน
อาจจะสงสัยว่าทำไม ก็เพราะหากเป็นกิจการที่ต้องการคนเก่งมาทำงานตลอดเวลา อำนาจการต่อรองจะอยู่ที่พนักงาน ไม่ใช่บริษัทครับ ค่าจ้างมันแพงงง

ข้อสี่ เป็นกิจการ ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐบาล หรือ ภัยธรรมชาติ น้อย ก็ถ้าสถานการณ์บริษัทมันเป็นแปลงบ่อยๆ จะส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของกำไร กับการเติบโต ของบริษัท

ข้อห้า ต้องเป็นกิจการที่โตได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่โตโดยการพึ่งพิงกิจการอื่น 
เชื่อว่าสิ่งที่ บัฟเฟต ใช้เลือกคงยังมีอีกหลาย อย่างครับ

แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับ สไตร์ของ บัฟเฟต ก็คือ การตัดสินใจที่ถูกต้อง และ ต้องอดทน รอจังหวะ ครับ

เพราะว่า โอกาสในการซื้อหุ้นในกิจการที่ดีในราคาที่เหมาะสม ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน
และจังหวะในการซื้อหุ้น ของเซียนคนนี้ก็คือ เวลาที่ ทุกคนไม่กล้าซื้อหุ้น

แต่ช่วงนี้หลายๆ คนกำลังสนใจหุ้นครับ
 
 
ลองคิดนะครับ ถ้าคุณเป็นบัฟเฟต คุณจะทำอะไร....
.

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Direction สำคัญกว่า speed

เชื่อว่าหลายคน เวลาที่เห็นคนอื่นได้กำไรจากการลงทุนเยอะๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วเกิดอาการอิจฉา 

ทำไมไม่เป็นเราที่ทำได้แบบนั้น ทำไมเราไม่เลือกหุ้นตัวนั้น 
ทำไม..ๆๆ อีกหลายๆ คำถามจะลอยขึ้นมาในหัว แล้วทำไมล่ะ ฮ่าๆๆ คิดไปนู่น คิดไปนี่
เมื่อเห็นคนอื่นทำได้ นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนแนวไปเลียนแบบคนที่ได้กำไรเยอะๆ ในช่วงสั้นๆ

หุ้นตัวไหนที่เค้าบอกว่าดี กำลังจะมา พี่ท่านซื้อหมด แล้วไงครับ
ผลคือ คนที่เปลี่ยนแนวของตัวเองไปเล่นสั้นตามตลาดส่วนใหญ่ เสีย เสียเยอะด้วยครับ
รู้มั๊ยคนกลุ่มนี้เรียกว่าอะไร .... คำตอบง่ายมากครับ



ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก 



เฉลยครับ แมงเม่า ไง 

ใครเคยเป็นยกกมือด้วยครับ
แล้วจะมีวันมั๊ยที่พี่แมงเม่าจะกลายเป็นเซียน คำตอบ คือ มีครับ แต่น้อย มีเม่าหลายคนที่เริ่ม

จากเงินไม่มากนักในตอนเริ่มต้น 
เมื่อเวลาผ่านไป เค้าได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์จากการขาดทุน (เล่นจริง เจ็บจริง ไม่มีตัวแสดงแทน ฮ่าๆๆ) 
สิ่งที่สำคัญคือได้อะไรบ้างจากความผิดพลาดครับ เรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก


แต่ยังไงก็ตาม เม่า(คนส่วนใหญ่) ก็นิสัยเหมือนเดิมครับ ซื้อตอนหุ้นแพง ขายตอนหุ้นถูก 
ถามว่าทำไมถึงซื้อตอนหุ้นแพง ล่ะ ก็เพื่อนเราซื้อ ทุกคนก็ซื้อหุ้นตัวนี้ แล้วทำไมเราไม่ซื้อล่ะ >>>ผลเป็นไง ขาดทุนทุกคนครับ
ในขณะที่มีคนกลุ่มเล็กๆ คนแปลก แกะดำ ซื้อตอนที่ทุกคนกำลังขายหุ้น หุ้นที่คนส่วนใหญคิดว่าแม่งโคตรแพงง เอ๊ะ ทำไม ไอคนพวกนี้มันกำไร น่าคิดครับ

ลองคิดดูนะครับ
เลือกแนวทางที่ใช่สำหรับตัวเองครับ ช้าเร็วไม่ว่ากัน
เพราะว่าจริงๆ แล้ว
 Direction สำคัญกว่า Speed
 
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...