การที่จะเป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมได้นั้น เราควรจะต้องศึกษาดูว่านักลงทุนระดับโลกหรือนักลงทุนใน “ตำนาน” ส่วนใหญ่เขามีคุณสมบัติ
หรือแนวความคิดอย่างไรต่อการลงทุน เพื่อที่ว่าเราจะได้เอาอย่างเขาบ้าง และต่อไปนี้ คือ คุณสมบัติหรือมุมมอง “ร่วม” ที่นักลงทุนเอกของโลกมี
ข้อแรกที่เป็นพื้นฐานจริงๆ ก็คือ ทุกคนวิเคราะห์หรือมองตัวธุรกิจเป็นหลัก ไม่ได้ “วิเคราะห์หลักทรัพย์หรือหุ้น” ความแตกต่างของสองเรื่องนี้ ก็คือ เซียนนั้น จะวิเคราะห์ว่าธุรกิจมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร แข่งขันกันอย่างไร ทำกำไรอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไร ความเสี่ยงของธุรกิจอยู่ที่ไหน ในขณะที่การวิเคราะห์หุ้นหรือหลักทรัพย์นั้น อาจจะเน้นไปที่เรื่องของความเป็นไปได้ของเหตุการณ์บางอย่าง โอกาส ผลประกอบการระยะสั้น ถ้าจะพูดถึงความเสี่ยงก็อาจจะเน้นไปที่เรื่องของความผันผวนของกิจการหรือตัวหุ้นมากกว่า
ข้อสอง เซียนนั้นมักมีวิธีการหรือแนวทางการลงทุนของตนเองที่มั่นคงแน่นอน เรียกว่ามี “สไตล์” เป็นของตนเอง พวกเขาไม่เปลี่ยนไปมา กลยุทธ์หรือแนวทางการลงทุนของพวกเขานั้นมักจะเหมือนเดิมยาวนานเป็นทศวรรษหรือบางคนก็ตลอดชีวิต ในบางช่วงบางตอนกลยุทธ์หรือแนวทางการลงทุนของเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จนักอาจจะเนื่องด้วยภาวะของตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกลยุทธ์นั้น แต่พวกเขาก็มักไม่เปลี่ยนวิธีการเพื่อที่จะให้ “สอดคล้อง” กับสถานการณ์ พวกเขายึดมั่นกับสิ่งที่เขารู้และเข้าใจดีที่สุด เพราะเขาคิดว่า ในระยะยาวแล้ว นั่นคือวิธีการที่ให้ผลดีที่สุดกับการลงทุนของเขา ตัวอย่างก็เช่นในยุคที่หุ้นดอทคอมและหุ้นไฮเทครุ่งเรืองมากนั้น แนวทางและผลการลงทุนของบัฟเฟตต์ดูด้อยลงไปเมื่อเทียบกับเซียนที่เน้นแนวการลงทุนที่หวือหวา อย่างไรก็ตาม หลังจาก “ฟองสบู่” หุ้นไฮเทคแตก แนวทางของบัฟเฟตต์ก็กลับมาได้รับการยอมรับเช่นเดิม
ข้อสาม เซียนนั้นมักมีหลักการลงทุนที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย พวกเขาไม่มีสูตรหรือสมการหรือชื่อเรียกที่ต้องใช้แทนด้วยอักษรภาษากรีก ว่าที่จริงหลายคนอาจจะไม่ทำประมาณการกำไรหรือคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทในอนาคตด้วยซ้ำ ความซับซ้อนของตัวเลขถ้าจะมีก็คงเป็นแค่การบวก ลบ คูณ หาร ถ้าจะสรุป ก็คือ หลักการลงทุนของเหล่าเซียนนั้น มักจะสามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษ และการทำงานก็อาจจะใช้แค่เครื่องคิดเลขธรรมดาหรือไม่ก็ “คิดในใจ” ได้
ข้อสี่ การควบคุมอารมณ์ การมีวินัยในการลงทุน และความกล้าหาญหรือความกลัวในเวลาที่ถูกต้อง เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่เซียนหุ้นทุกคนมี เซียนหุ้นมักไม่ตื่นเต้นหรือกลัวเกินกว่าเหตุเวลาประสบกับสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นหรือหุ้นบางตัวหรือบางกลุ่มร้อนแรงมาก หรือประสบกับภาวะวิกฤติที่ผู้คนต่างพยายาม “หนีตาย” จากเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ได้มีผลกระทบรุนแรงอย่างที่ถูก “สื่อ” ออกมาในโลกของการสื่อสารเช่นในปัจจุบัน พูดง่ายๆ เซียนนั้นมีจิตใจที่สงบและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ความอดทนและอดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุนั้นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากที่ทำให้เซียนไม่ออกนอกแนว หรือกรอบความเชี่ยวชาญของตน
ข้อห้า เซียนนั้น มักเป็น Loner หรือเป็นคนที่ชอบอยู่สันโดษคนเดียวในแง่ของการลงทุน นี่ไม่ได้หมายความว่าเซียนจะไม่คุยกับนักลงทุนคนอื่นหรือไม่ปรึกษาว่าหุ้นตัวไหนน่าลงทุน แต่เซียนมักเป็นคนที่มีความเป็นอิสระสูงในการคิดและตัดสินใจลงทุน พวกเขามีเหตุผลและความเชื่อของตนเองที่มักจะไม่ถูกชี้นำหรือชักจูงโดยคนอื่น ว่าที่จริงเซียนบางคนอย่าง จอห์น เนฟฟ์ นั้นชอบ “ทะเลาะ” ว่ากันว่า ในตอนที่เป็นเด็กนั้น เขาแทบจะ “ทะเลาะกับเสาไฟฟ้า” พอโตขึ้นก็ “ทะเลาะกับตลาดหุ้น” แต่สาเหตุที่ทำให้พวกเขาสามารถคิดและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตนเองนั้น เป็นเพราะพวกเขาได้ศึกษาและผ่านประสบการณ์มามาก
ข้อหก เซียนนั้นเรียนรู้ความผิดพลาดของตนเองอยู่เสมอ เช่นเดียวกัน พวกเขาเรียนรู้ความผิดพลาดจากคนอื่นด้วย ซึ่งทำให้เขา “เจ็บตัว” น้อยลง การเรียนรู้ความผิดพลาดจากคนอื่นนั้น แน่นอน ต้องศึกษาจากประวัติศาสตร์ ดังนั้น พวกเขาจึงมักเป็นนักอ่านตัวยง โดยเฉพาะด้านประวัติศาสตร์หลายๆ แขนง เช่น ประวัติศาสตร์บุคคล เศรษฐกิจ ตลาดหุ้นและอื่นๆ
ข้อเจ็ด เซียนบางคนนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นคนที่กล้าอย่างบ้าบิ่น หรืออย่างน้อยก็ต้องกล้ากว่าปกติในการรับความเสี่ยง แต่ข้อเท็จจริง ก็คือ เซียนตัวจริงทั้งหลายนั้นมักจะกล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผลและไม่ว่าในกรณีใด จะไม่เสี่ยงเกินไปแม้ว่าโอกาสในการที่จะชนะจะสูงกว่ามาก พวกเขารู้ว่า ความผิดพลาดและโชคร้ายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ คือ สิ่งที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ คำว่ากล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผลนั้น ถ้ามองในภาพกว้าง ก็คือ เขาจะเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ เช่น ต้องมีการกระจายการถือหุ้นในระดับหนึ่งไม่ใช่ลงทุนหุ้นเพียงตัวหรือสองตัวหรือตัวเดียวเกินกว่า 50% ของพอร์ต แต่พวกเขาก็จะไม่กระจายความเสี่ยงมากเกินไป เพราะการทำแบบนั้นถึงแม้จะดูว่าความเสี่ยงลดลงแต่ผลการลงทุนก็จะแย่ไปด้วย
ข้อแปด เซียนนั้น “ทำงานหนัก” เซียนทุกคนต่างก็ทำงานมากโดยเฉพาะในการอ่านและคิด และสิ่งที่อ่านและคิดของพวกเขานั้น สุดท้ายก็อาจจะเชื่อมโยงไปสู่การลงทุน เซียนที่เป็นนักบริหารกองทุนรวมนั้น แน่นอน พวกเขายุ่งมากกับงานการลงทุน เวลาว่างของพวกเขาน้อยมากและคนทั่วไปก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นเซียนที่ทำงานหนักมาก อย่างไรก็ตาม เซียนที่บริหารเงินของตนเองอย่างบัฟเฟตต์นั้น หลายคนก็จะมองว่าเขาไม่ได้ทำงานหนักอะไรนักหนา เลิกงานห้าหกโมงเย็นก็กลับบ้านแล้ว ไม่มีการขนงานกลับไปทำที่บ้าน เวลาของเขานั้นมีเหลือเฟือตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่นั่นคือ สิ่งที่ปรากฏจากการมองภายนอก ข้อเท็จจริง ก็คือ เขาใช้เวลาอ่านมากมาย และคนที่อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนได้เท่าเขานั้นผมคิดว่ามีน้อยมาก ว่าที่จริง แม้แต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการลงทุนโดยตรง เช่น เรื่องของสังคมและการใช้ชีวิต เขาก็มีความรอบรู้ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้แสดงออกมามากนัก
ทั้งหมดนั้น ก็เป็นเพียงบางส่วนของคุณสมบัติที่เซียนส่วนใหญ่หรือเกือบทุกคนมี และผมเชื่อว่าคนที่อยากจะเป็นเซียนหรืออยากจะประสบความสำเร็จในการลงทุนจำเป็นต้องมี ดีกรีหรือระดับความเข้มข้นของแต่ละคุณสมบัติของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างรวมถึงจิตวิทยาหรือนิสัยส่วนตัวและสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่ายิ่งเราปรับตัวเข้าหานิสัยเซียนได้มากขึ้น เราก็น่าจะลงทุนได้ดีขึ้น
Tags : คุณสมบัติเซียน
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR
Like
วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554
คุณสมบัติเซียน
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554
ในโอกาสมีความเสี่ยง ในความเสี่ยงมันมีโอกาส
ยุคนี้ผมเชื่อว่าวัยรุ่นยุคใหม่จำนวนมากอยากรวยเร็วๆ รวยง่ายๆ ทั้งเล่นหุ้นรวย เป็นดารา นักร้อง และก็อีกหลายวิธีที่แต่ละคนฝันไว้ แต่ความจริงมันไม่ได้ง่ายที่จะดัง จะประสบความสำเร็จแล้วรวยแบบก้าวกระโดด มีชื่อเสียงในเพียงข้ามคืน
ถ้าหากไปอ่านประวัติของคนดังระดับประเทศ ระดับโลกจะพบเลยว่า กว่าจะมีชื่อเสียงและดังระดับโลกนั้นมันเหนื่อยยากขนาดไหน
กว่าจะเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติ จะต้องซ้อมทั้งเช้า เรียนตอนกลางวัน ตอนเย็นก็ต้องกลับไปซ้อม กลางคืนต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ
กว่าจะเป็นเทรดเดอร์ระดับสุดยอด ก็ต้องฝึกฝนเทรด จับจังหวะเก็งกำไรในตลาด ช่วงแรกอาจถึงขั้นหมดตัว ถ้าพลาดแล้วไม่เรียนรู้ไม่พัฒนา มันก็จะขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำอีก
กว่าจะเป็นวอเร็นต์ บัฟเฟต บัฟเฟตก็ใช้เวลาศึกษาข้อมูลของบริษัทนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง ไม่ได้ซื้อๆ ขายๆ ตามนักวิเคราะห์ นักวิแคะ ฮ่าๆๆ
มันมีตัวอย่างเยอะแยะมากมายให้เราเรียนรู้ ว่ากว่าจะสำเร็จอะไรซักอย่างมันต้องใช้เวลาและการฝึกฝน เพื่อเตรียมพร้อมตัวเองให้ฟิตพอที่จะคว้าโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต และโอกาสที่ดีจริงๆ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตไปเลย อาจเข้ามาเพียงครั้งเดียวก็ได้ นั่นยิ่งเป็นเหตุผลเลยที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
ในโลกการลงทุน เศรษฐกิจทั่วโลกจะหมุนเวียนไปตามวัฏจักร รุ่งเรือง ตกต่ำ ถดถอย ในแต่ละช่วงผมเชื่อว่ามันก็มีโอกาสมากพอให้นักลงทุนแต่ละสไตร์เลือกทำกำไร แต่ในโอกาสที่มากมายมันก็มีความเสี่ยงแอบอยู่ด้วยเช่นกัน
วิธีการที่จะลดความเสี่ยงได้โดยไม่ต้องเอาเงินตัวเองไปลองก็คือ เอาเงินคนอื่นไปไปเล่น แล้วเราเอากำไร ^^ เอ้ย ไม่ใช่ครับ วิธีลดความเสี่ยงที่ดีก็คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น
Learn from other people mistake is the good way to success
แล้วยิ่งการจะทำกำไรในตลาดหุ้นสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อถูกขายแพง เสมอไปนะครับ
ยุดนี้ตลาดทุน ตลาดเงิน มีเครื่องมือการลงทุนมากมายให้เราเลือกใช้ อาจจะซื้อแล้วขาย หรือ ขายก่อนแล้วไปซื้อคืน มันก็สามารถทำได้ อีกทั้งหากใครมีเงินน้อยก็สามารถเทรด สินค้าที่แพงกว่าได้โดยใช้การวางมาจิ้นด้วยเงินเพียงนิดเดียว
เชื่อหากใครศึกษาวิธีการลงทุนอย่างจริงจัง รู้ถึงแก่น ไม่ว่าจะวิธีไหน เล่นยาว เล่นสั้น หรือ เดย์เทรด แล้วอดทนทำไปเรื่อยๆ วันนึงโอกาสมาถึงวันนั้น
โอกาสก็จะเป็นของคนที่พร้อมเสมอ ครับ ^^
ถ้าหากไปอ่านประวัติของคนดังระดับประเทศ ระดับโลกจะพบเลยว่า กว่าจะมีชื่อเสียงและดังระดับโลกนั้นมันเหนื่อยยากขนาดไหน
กว่าจะเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติ จะต้องซ้อมทั้งเช้า เรียนตอนกลางวัน ตอนเย็นก็ต้องกลับไปซ้อม กลางคืนต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ
กว่าจะเป็นเทรดเดอร์ระดับสุดยอด ก็ต้องฝึกฝนเทรด จับจังหวะเก็งกำไรในตลาด ช่วงแรกอาจถึงขั้นหมดตัว ถ้าพลาดแล้วไม่เรียนรู้ไม่พัฒนา มันก็จะขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำอีก
กว่าจะเป็นวอเร็นต์ บัฟเฟต บัฟเฟตก็ใช้เวลาศึกษาข้อมูลของบริษัทนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง ไม่ได้ซื้อๆ ขายๆ ตามนักวิเคราะห์ นักวิแคะ ฮ่าๆๆ
มันมีตัวอย่างเยอะแยะมากมายให้เราเรียนรู้ ว่ากว่าจะสำเร็จอะไรซักอย่างมันต้องใช้เวลาและการฝึกฝน เพื่อเตรียมพร้อมตัวเองให้ฟิตพอที่จะคว้าโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต และโอกาสที่ดีจริงๆ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตไปเลย อาจเข้ามาเพียงครั้งเดียวก็ได้ นั่นยิ่งเป็นเหตุผลเลยที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
ในโลกการลงทุน เศรษฐกิจทั่วโลกจะหมุนเวียนไปตามวัฏจักร รุ่งเรือง ตกต่ำ ถดถอย ในแต่ละช่วงผมเชื่อว่ามันก็มีโอกาสมากพอให้นักลงทุนแต่ละสไตร์เลือกทำกำไร แต่ในโอกาสที่มากมายมันก็มีความเสี่ยงแอบอยู่ด้วยเช่นกัน
วิธีการที่จะลดความเสี่ยงได้โดยไม่ต้องเอาเงินตัวเองไปลองก็คือ เอาเงินคนอื่นไปไปเล่น แล้วเราเอากำไร ^^ เอ้ย ไม่ใช่ครับ วิธีลดความเสี่ยงที่ดีก็คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น
Learn from other people mistake is the good way to success
แล้วยิ่งการจะทำกำไรในตลาดหุ้นสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องซื้อถูกขายแพง เสมอไปนะครับ
ยุดนี้ตลาดทุน ตลาดเงิน มีเครื่องมือการลงทุนมากมายให้เราเลือกใช้ อาจจะซื้อแล้วขาย หรือ ขายก่อนแล้วไปซื้อคืน มันก็สามารถทำได้ อีกทั้งหากใครมีเงินน้อยก็สามารถเทรด สินค้าที่แพงกว่าได้โดยใช้การวางมาจิ้นด้วยเงินเพียงนิดเดียว
เชื่อหากใครศึกษาวิธีการลงทุนอย่างจริงจัง รู้ถึงแก่น ไม่ว่าจะวิธีไหน เล่นยาว เล่นสั้น หรือ เดย์เทรด แล้วอดทนทำไปเรื่อยๆ วันนึงโอกาสมาถึงวันนั้น
โอกาสก็จะเป็นของคนที่พร้อมเสมอ ครับ ^^
วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554
ผล TFEX
สมาชิก Chula InvestClub สุดยอดมาก ตอนนี้เล่น TFEX ได้อันดับ 4 ของประเทศ อันดับ 1 ของหลักทรัพย์บัวหลวง นายแน่มาก ^^
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554
World GDP (Gross Domestic Product)
ตัวเลข GDP ปี 2010 เราจะเห็นว่าจีนมีขนาดของเศรษฐกิจแซงหน้าญี่ปุ่นมาเป็นอันดับสอง แต่ GDP ต่อหัวประชากรแล้วญี่ปุ่นยังสูงกว่าจีนกว่า 10 เท่า มันชี้ว่าคนญี่ปุ่นรายคนมีกำลังซื้อสูงกว่าคนจีนมากจริงๆ
แล้วถ้ามาดูไทย กับสิงคโปร์ ก็คล้ายๆ กับประเทศจีนกับญี่ปุ่นเลย ประเทศเราใหญ่กว่าแต่เค้ารวยกว่าเราเยอะมากๆๆ ทั้งๆ สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่คนสิงคโปร์สุดยอดดดดจริงๆ
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554
ออกจากตำรา...มาขยับปีกบิน
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
- นักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่กำลังขึ้นชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป ไม่จำกัดสาขาวิชา
- ผ่านการเข้าเรียน TSI e-Learning จากศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (TSI) ในหัวข้อ หลักสูตร การลงทุนในหุ้น*
- สามารถใช้ Internet และสามารถเข้าร่วมแข่งขันลงทุนผ่านระบบออนไลน์ Streaming Simulation ผ่านทาง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ (ภายหลังจากการอบรม 10 วันเสร็จสิ้น)
* สมัครเข้าเรียนได้ที่ http://www.tsi-thailand.org/index.ph...40&Itemid=1324
ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2554 แต่ต้องผ่านเกณฑ์ใน หัวข้อ หลักสูตรการลงทุนในหุ้น ภายในวันที่ 23 มีนาคม 2554
ถ้าสนใจตามลิ้งนี้เลยครับ
http://www.ays.co.th/th/contentabout...bout=34&id=257
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)